แนะนำ หนัง-ซีรีส์ สยองขวัญ

แนะนำ หนัง-ซีรีส์ สยองขวัญ

แนะนำ หนัง-ซีรีส์ สยองขวัญ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันฮาโลวีนแล้ว ตอนนี้หลายๆ คนคงเริ่มวางแผนกิจกรรมที่จะทำในปีนี้แล้ว บางคนอาจจะแต่งกายชุดผี ไปคาเฟ่ หรือไปร่วมกิจกรรมฮาโลวีนตามสถานที่ต่างๆ ล่าสุดยอมรับว่ากิจกรรมและเทศกาลต่างๆ ในปัจจุบันของชาติตะวันตกกำลังมาแรง ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แถมหลายๆ คนเริ่มสนุกกับการแต่งหน้าและเสื้อผ้า ซึ่งทำให้เทศกาลนี้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าวันฮาโลวีนปีนี้จะทำอะไรดี? เราคิดว่าการจัดงานเฉลิมฉลองเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้านอาจเป็นความคิดที่ไม่เลว แถมการช่วยตกแต่งบ้านเป็นกิจกรรมครอบครัวที่น่ารักจริงๆ และนอกจากการตกแต่งบ้านแล้วการนั่งดูหนังด้วยกันก็เป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดอีกด้วย

แนะนำ หนัง-ซีรีส์ สยองขวัญ 1. Smile (ยิ้มสยอง)

แนะนำ หนัง-ซีรีส์ สยองขวัญ เรื่องราวภาพหลอนเริ่มต้นขึ้นเมื่อจิตแพทย์หนุ่ม ดร.โรส โคต พบคนไข้คนหนึ่ง คนไข้อธิบายว่าเธอถูกอะไรบางอย่างตามล่า มันน่ากลัว แต่เธอก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ เห็นได้ชัดว่าเธอหวาดระแวงและร่างกายของเธอเริ่มกระตุกอย่างรุนแรง หลังจากหายตัวไปได้ไม่นาน ดร.รอสก็หันกลับมามองคนไข้ที่มองเธอด้วยรอยยิ้มอันน่ากลัว ก่อนที่จะฆ่าตัวตายโดยที่เธอไม่รู้ตัว หลังจากเหตุการณ์นั้น เรื่องแปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น เธอมักจะเห็นผู้คนยิ้มแบบเดียวกันกับคนป่วยและบอกว่าเธอกำลังจะตาย เรื่องราวเริ่มน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอถูกบังคับให้หยุดการค้นหาความจริง ขณะเดียวกัน ความลับดำมืดในอดีตของเธอกลับมาหลอกหลอนเธอ และความกลัวก็กลืนกินร่างกายของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ

คำว่า “รอยยิ้มที่สวยงามตลอดไป” อาจใช้กับหนังเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีคนยิ้มให้คุณ นั่นหมายถึงความหายนะกำลังจะเกิดขึ้น “Smile” เป็นภาพยนตร์สยองขวัญแนวจิตวิทยาที่ผลิตโดย Paramount Pictures ที่บอกเล่าเรื่องราวของจินตนาการและความกลัว ตัวละครที่หลากหลายถูกส่งต่อไปยังผู้ชม และเราคิดว่าภาพยนตร์ประเภทนี้ทำให้เรากลัวมากกว่าหนังสยองขวัญกระโดด โดยไม่มีรูปร่างหรือคุณลักษณะเฉพาะที่ทำให้ปีศาจของทุกคนดูแตกต่างออกไป รวมถึงการเบี่ยงเบนความกลัวผ่านนักจิตวิทยา เราเริ่มตั้งคำถามว่าสิ่งที่เธอกำลังประสบอยู่นั้นเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงภาพหลอน คราวหน้าถ้ามีคนยิ้มให้คุณ มันอาจจะไม่เป็นมิตรเสมอไป

2. Scream (หวีดสุดขีด ภาค 5)

เมือง Woodsboro ตกอยู่ในความสับสนอลหม่านอีกครั้งเมื่อ Tara ตกเป็นเหยื่อ… Ghostly Masked Killer ซ่อนเร้นมานานหลายทศวรรษ เขาล่อลวงเธอและโจมตีเธออย่างโหดร้ายในบ้านของเธอ อย่างไรก็ตาม เธอรอดชีวิตมาได้ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส เรื่องราวของเธอกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วทั้งเมือง ทำให้แซม คาร์เพนเตอร์ต้องกลับมาที่วูดส์โบโร ผนึกกำลังกับดิวอี้ ไรลีย์, เกล เวเธอร์ส และซิดนีย์ เพรส เพื่อนเก่าสามคนที่กลับมาร่วมงานกันเพื่อถอดหน้ากากผีอีกครั้ง หลังจากทำมาหลายปีแล้ว

Ghostface หรือ หน้ากากผีในตำนาน จะกลับมาออกล่าอีกครั้งในปี 2022 คราวนี้มันกลับมาพร้อมกับโหมดการล่าสัตว์แบบเดิม แต่มีความโหดร้ายและทันสมัยมากขึ้น เพราะหน้ากากผีสามารถปรากฏได้ตลอดเวลา มันสามารถฆ่าพวกมันได้ทั้งกลางวันและกลางคืน กลางถนน หรือในโรงพยาบาล ดังนั้นเรื่องนี้จึงค่อนข้างโหดร้าย การคาดเดาทางออกอาจเป็นเรื่องยากมาก ภาคนี้เต็มไปด้วยอรรถรสตั้งแต่ภาคแรกและภาคก่อนๆ แต่มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อทำให้เรื่องราวน่าเบื่อและคาดเดาไม่ได้น้อยลง แฟนๆ ของแฟรนไชส์ ​​Scream ทุกคนจะต้องประทับใจกับหนังเรื่องนี้ เนื่องจากเราได้เห็นดาราจากภาคก่อนๆ มาร่วมไขคดีอาชญากรรม มันทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังเติบโตไปพร้อมกับตัวละคร กลับมาพบกับเพื่อนสนิทอีกครั้ง

3. The Medium (ร่างทรง)

ทีมสารคดีเลือกที่จะถ่ายทอดวิถีชีวิตหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในภาคอีสานที่เคารพนับถือยาบายันมายาวนาน โดยมีป้านิ่มเป็นสื่อกลางในการศรัทธา เชื่อกันว่าแต่ละรุ่นจะต้องมีทายาทหญิงผ่านคันดะเป็นสื่อกลาง และหมิง หลานสาวเพียงคนเดียวในครอบครัวดูเหมือนจะเป็นทายาทคนต่อไปมากที่สุด แต่เมื่อหมิงเองกลับขัดขืนและไม่ยอมรับการเป็นสื่อ เรื่องราวกลับสับสนมากขึ้นจนเธอเริ่มเสียสติ นอกจากนี้ป้านิ่มยังรู้ความลับบางอย่างจึงพาเธอไปก่อนที่จะบอกความจริง ขณะเดียวกันป้าน้อยแม่ของหมิงเริ่มมีอาการแปลกๆ มากขึ้นเรื่อยๆ และต้องรับกานดาเป็นคนกลาง ส่วนที่แย่ที่สุดคือหมิงและแม่ของเธอถูกผีสิงในเวลาเดียวกัน โดยไม่รู้ว่ายายบาหยันอาศัยอยู่ในนั้น

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะถ่ายทอดในรูปแบบของภาพยนตร์ที่พบเกี่ยวกับศาสนาแห่งความศรัทธาและผีที่เคารพนับถือมายาวนาน หนังเลือกที่จะเล่าเรื่องราวของป้านิ่มในตอนต้นเธอเป็นสื่อจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยศรัทธาและปฏิบัติตามหลักการและกฎเกณฑ์ของสื่ออย่างเคร่งครัด ครึ่งหลังเล่าเรื่องราวของหมิงไม่เคยเชื่อใจหรือเคารพยายบาหยันเลย ความขัดแย้งและภูมิหลังทางครอบครัวของทั้งคู่ทำให้เราสงสัยว่าสิ่งที่ป้านิ่มทำคือศรัทธาหรือไสยศาสตร์ โอเค แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอล่ะ? หรือยายบายันเป็นผีดีหรือผีร้ายกันแน่? มีคำถามที่ยังไม่ได้ตอบอีกมากมายและตอนจบที่เปิดกว้างซึ่งทำให้เรากลับมาดูซ้ำแล้วซ้ำอีก

4. A Quiet Place (ดินแดนไร้เสียง)

หลังจากที่โลกมนุษย์ถูกวิญญาณชั่วร้ายโจมตี ครอบครัวของเจ้าอาวาสถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและต้องอยู่อย่างเงียบๆ เท่าที่จะทำได้เพื่อความอยู่รอด พวกเขาต้องใช้ภาษามือในการสื่อสารและปฏิบัติตามรูปแบบที่กำหนดไว้ เนื่องจากการก้าวเท้าหรือเสียงกระซิบเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้ปีศาจโจมตีได้ แต่วันหนึ่ง ลูกชายคนเล็กของพวกเขาต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ไป เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทั้งครอบครัวเศร้าโศกอย่างสุดซึ้ง ทั้งสองฝ่ายกล่าวหาว่าตนเองประมาทเลินเล่อ อย่างไรก็ตาม ลีต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวเพราะเอเวลินกำลังท้องและกำลังจะคลอดบุตร วันมาถึงซึ่งตัดสินชะตากรรมของครอบครัวอัลเบิร์ต ขณะที่พวกเขาถูกตามล่าโดยปีศาจ ซึ่งบังเอิญเป็นวันเดียวกับที่เอเวลินถึงกำหนด

เราอยากให้ A Quiet Place เป็นหนังสยองขวัญที่เราชื่นชอบ ไม่มีฉากความรุนแรงหรือการฆาตกรรมที่น่าสยดสยองในภาพยนตร์เรื่องนี้ เรื่องราวทั้งหมดประกอบด้วยมนุษย์สี่คน ปีศาจหนึ่งตัว และความเงียบงัน โดยไม่มีบทสนทนาหรือเสียงของสิ่งมีชีวิตอื่นใด แต่ทุกฉากทุกตอนกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและตึงเครียดจนเรากลั้นหายใจอยู่หลายครั้ง ปัญหาของตัวละครแต่ละตัวทำให้หนังเรื่องนี้ดูสนุกและคุ้มค่าทุกวินาทีในการดู จุดไคลแม็กซ์ของหนังเรื่องนี้คือฉากลูกสาวและการเกิดของเธอซึ่งมีทั้งความสงสัยและไม่สบายใจจนแทบจะหายใจไม่ออก

5. Terrifier (อิหนูกูจะฆ่ามึง)

หลังจากปาร์ตี้ฮาโลวีนแสนสนุก ทาราและดอว์นก็แวะทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารริมถนน และเนื่องจากดอว์นมีความสุขและเมามาย ตัวตลกจึงติดตามเธอเข้าไปในร้านพิซซ่า ทารารู้สึกไม่สบายจึงขอให้เจ้าหน้าที่ไล่เขาออกไป หลังจากที่ทั้งคู่ออกจากร้าน พวกเขาก็พบว่ารถของเธอไม่สามารถขับได้อีกต่อไป ทาราจึงโทรหาพี่สาวให้มารับก่อนจะออกไปทำเรื่องส่วนตัว รุ่งอรุณถูกทิ้งให้รออยู่ตามลำพังในรถพร้อมข่าวการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในร้านพิซซ่าที่พวกเขาเพิ่งจากไป พวกเขาไม่รู้เลยว่าตนเองคือเหยื่อรายต่อไป

หนังที่โหดร้ายและน่าขยะแขยงที่สุด ขอเตือนไว้ก่อนว่าหนังเรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนที่กลัวเลือด ของมีคม และความรุนแรง เพราะจะมีฉากแทง สับ เฉือน เลื่อย ตลอดทั้งเรื่อง ไม่มีการเซนเซอร์แต่อย่างใด แต่ละฉากเผยให้เห็นวิธีการอย่างละเอียดของฆาตกรที่มีต่อเหยื่อของเขา ส่วนเนื้อหาของหนังก็ไม่ได้ซับซ้อนแต่อย่างใด เนื้อเรื่องเดาได้ง่าย และมีการเลียนแบบหนังสยองขวัญเรื่องอื่นๆ มากพอแล้ว ซึ่งภาคต่อที่เพิ่งเข้าฉายในอเมริกา ก็มีหลายคนบ่นว่าไม่สปอยล์ ดังนั้นใครที่อยากลองสิ่งนี้ต้องมีความตั้งใจอันแรงกล้า

บทความแนะนำ

6 ซีรีส์ฝรั่งแนวสืบสวน

รีวิว ซีรีส์ ภาพยนตร์แนวซอมบี้